วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เครื่องไล่หนูมีคุณสมบัติ หลักการทำงานอย่างไร และ สามารถไล่หนูได้อย่างไร





 ร่วมกลุ่มนักเขียนท่อง ต ประเทศจะว่าไปแล้ว หนังสือพิมพ์ “พิมพ์ไทย” กับผมควรถือได้ว่าเป็นบ้านเก่า-บ้านเกิดเมื่อครั้งยังปักหลักที่ถนนสีลมในฐานะ “นักข่าวภูธร” ประจำจังหวัดชลบุรี ซึ่งในสนัยนั้นบุคคลที่เป็นหัวหน้าข่าวภูธรก็คือคุณบรรจบชุวานนท์ การได้กลับมานั้งทำงาน “พิมพ์!ทย” จึงไม่ค่อยรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไม่คุ้นเคย แม้แต่คุณไชยยงค์เองครั้งหนึ่งเคยเดินไปตามสะพานธารนทีไปที่บ้านผมตามนโยบายเยี่ยมนักข่าว โดยมี ม.ล.ต้อย ชุมสายหรือแม้แต่คุณประหยัด ศ.นาคะนาท อย่างที่ผมเคยเล่ามาก่อนแล้วเพียงแต่ภาระหน้าที่ใหม่ของผมคือดูแลสารคดีที่จะต้องนำเสนอต่อผู้อ่าน ผมจึงมีโอกาสได้ซักหรือถามถึงรูปแบบที่ทำให้เกิดการเขียนสารคดีของ “เซษฐ์” จากที่เล่ามาแล้ววันหนึ่งคุณมานะได้นำเอาจดหมายฉบับหนึ่งมาล่งให้พร้อมกับบอกว่าช่วยดูด้วยว่าจะเอาลงได้ยังไงหรือเปล่า ผมรับจดหมายนั้นมาจึงเห็นว่าจดหมายเพียงแค่การบอกกล่าวถึงเนื้อหาที่เขียนมาซึ่งจะนำมาเป็นสารคดีก็ไม่เลวนัก คุณมานะยังบอกไว้ด้วยว่า ถ้านำลงได้ยังไงเขาจะเขียนส่งมาให้อีก จดหมายหรือเนื้อหาที่ว่านี้ส่งมาจากโคโรลาโด สหรัฐอเม'ริกา ผู้เขียนกำลังศึกษาอยู่ที่นั่น ดูเหมือนจะเป็นปีสุดท้ายด้วยซ้ำถ้าผมจำไม่ผิดและอีกไม่กี่วันก็มีเนื้อหาส่งตามมาอีก ผมจึงได้ดำเนินการตามภาระและนำลงเป็นสารคดีประจำฉบับ มืชื่อผู้เขียนกำกับด้วยเสร็จคือ “สมชายกรุสวนสมบัติ”ปรากฏว่ามืสารคดีลงต่อเนื่องมาอีกซึ่งจำไม่ได้ว่ามีความยาวขนาดไหน สารหนู และต่อมาเจ้าตัวผู้เขียนก็เดินขึ้นมาบนสำนักงานแล้วบอกกับคุณมานะว่ายังอยากเขียนหนังสืออีกระหว่างรองาน คุณมานะคงจะคุยหรือซักถามกันเรียบร้อยแล้วให้มาช่วยด้านกีฬาถ้าท่านผู้อ่านยังนึกไม่ออกว่าคุณสมชายเป็นใคร แต่คงร้องอ๋อเพียงแค,จะบอกว่าเขาเป็นเจ้าของคอลัมน์ “เหะหะพาที” ในไทยรัฐ ซึ่งก็คือ ม” นั่นเอง และยังเขียนมายาวนานจนกระนั่งปัจจุบันนี้
“สงครามรถถัง มืคนเขียนไม่น้อยกว่าสี่คนทีผมเอามาอ่าน แต่ละคนมืเนื้อหาที่น่าสนใจต่างกัน ผมก็หยิบเอามาแล้วจัดเรียงเสียใหม่เป็นงานที่บอกไม่ได้ว่าเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง...” คุณไชยยงค์ หรือ “เชษฐ์” เล่าให้ผมฟังผมเก็บเอาเนื้อหาเหล่านี้มาเล่าก็เพราะอยากให้ท่านผู้อ่านที่เคยติดตามงานของคุณไชยยงค์จะได้ผู้ถึงเบื้องหลังของงานเขียนชิ้นนั้นๆ หรือผู้ที่สนใจใคร่จะแปล-เรียบเรียงเรื่องราว อาจจะได้แนวคิดจากการทำงานนี้ด้วยก็ได้   ขอเก็บเอาส่วนที่พาดพิงถีงคุณไชยยงค์มาเล่าต่ออีกหน่อย หล้งจากลาออกจากทีวีสีช่อง ๗ แล้วผมก็มีเวลาว่างมากจึงไปนั่งทำงานที่ “พิมพ์ไทย” แต่เช้าทุกวัน จนวันหนึ่งถูก ผอ.ไชยยงค์เรียกให้ไปพบแล้วถามว่าอ่านข่าวตำรวจกองปราบฯ ไปจับโล๓ณีกว่า ๒๐๐ คนที่ชลบุรีหรือยัง ผมตอบว่าได้อ่านแล้ว ยังสงสัยว่าแค่จับโสเภณีถึงกับกองปราบฯ ต้องยกกำลังไปจับเชียวหรือ ทั้งๆ ที่ท้องที่เสม็ดไม่ได้ไกลไปจากตัวเมืองสักเท่าไหร่คุณไชยยงค์คงจะถูกใจบอกว่า น่านซิ ผมถึงอยากให้คุณไปดู เผื่อว่าจะมีอะไรเขียนบ้างผมขับรถไปที่โรงเรียนพลตำรวจซึ่งเป็นที่ควบคุมตัวโสเภณีที,ว่านั่นอยู่เชิงเขาน้อย (ปัจจุบันจะรื้อไปแล้วหรือยังไม่ทราบเหมือนกัน) ผมรู้จักพื้นที่ดีเพราะเป็นคนในเมืองชลบุรี ผมผ่านเข้าโรงเรียนพลตำรวจไปได้สะดวก แล้วจึงพบว่าในห้องโถงโล่งๆ นั้นมีโสเภณีกว่า ๒๐๐ คน ต่างอยู่ในอิริยาบถต่างๆ กัน ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นนักข่าว เพียงแต่มองอย่างสงสัยผมแกล้งเปรยๆ ว่า ทำไมตำรวจพื้นที่ไม่จับปล่อยให้กองปราบฯมาจับ มีโสเภณีคนหนึ่งบอกว่า ตำรวจท้องที่ไม,จับหรอก แค,นั้นก็เดาได้แล้วว่าทำไมหน้าที่จึงกลายเป็นกองปราบฯ ผมเร่ไปคุยคนโน้นคนนี้ด้วยประเด็นถามที่คล้ายๆ กัน บางคนย้อนถามว่าเป็นตำรวจมาสอบปากคำหรือ ผมหัวเราะแล้วบอกว่าก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมกองปราบฯ ถึงมาจับไม่มีกล้องถ่ายภาพ โรงพยาบาล ไม่มีการหยิบกระดาษมาจด คุยกัน สะดุดใครคนไหนก็นั่งชักนานหน่อย ผมจะคุยไปเรื่อยๆ บังเอิญผมไปถึงที,นั่นบ่ายแล้วจึงได้เดินทางกลับหลังจากใช้เวลาเพียงสาม-สี่ชั่วโมง โดยบอกกับตัวเองว่า พรุ่งนี้คงต้องกลับมาอีกแน่ๆ เพราะเนื้อหาที่ได้ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวรุ่งขึ้นพอสายๆ




ผมก็ขับรถไปที่นั่นอีก คราวนี้ใช้เวลาเรียกว่าทั้งวันคุยกับหลายต่อหลายคน ผู้คนเหล่านี้มีความเป็นไป หรือความเป็นอยู่ที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นสาวเหนือ...สาวอีสาน หรือภาคกลาง ซึ่งถ้าจะสรุปก็คงหนีไม่พ้นการถูกล่อลวง ผมอยู่ที่นั่นจนเย็นจึงกลับมานั่งจดบันทึกเนื้อหาที่คุยมาและเรียกว่ามองแนวทางที่จะเขียนรุ่งขึ้นผมเข้าไปรายงานคุณไชยยงค์พอให้เข้าใจในประเด็นของเรืองคุณไชยยงคียิ้มด้วยความพอใจ “เขียนได้เลยไหม” คุณไชยยงค์ถาม “คุณเขียนได้ยาวเลยจนจบ” ผมตอบว่าขอเวลาอีกสองวันชีวิตของผู้คนที่จะว่าถูกล่อลวงมานั้นไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว ส่วนหนึ่งสาวๆ ทางเหนือจะเกิดจากพ่อ-แม่ขายให้ “คุณนาย” นั่งรถเก๋ง แต่งเนื้อแต่งตัวด้วยเครื่องประดับวูบวาบ อยากได้บุตรบุญธรรมไว้ดูแลทรัพย์สมบัติ พ่อ-แม่ที่ไหนจะไม่ตาโต เพราะนอกจากลูกจะสุขสบายแล้วยังจะได้พึ่งใบบุญอีก หลายต่อหลายคนจึงถูกขายและเป็นลูกบุญธรรมในช่องผมเก็บรวมชีวิตของโสเภณีที่มีความต่างในเบื้องต้นและในการเดินทางมายังจุดหมายเดียวกัน เท่าที่ไปคุยมาเห็นว่ามีอยู่ห้าคนที่น่าสนใจในประเด็นที่ผมว่านั่นแหละผมเปิดเรื่อง “โลกีย์สีเลือด” เหมือนเขียนบทหนังโดยให้โสเภณีคนหนึ่งที่ผมใช้ชื่อว่า “นกกระจิบ” เผ่นหนีออกมาจากช่องในเวลากลางคืนเดือนมืด แต่สมุนของช่องกระโจนออกตามไล่ต้อนสกัดทั้งสี่ทิศทางจึงหนีไม่รอด... เครื่องไล่หนูไฟฟ้า ตามมาด้วยการซ้อม...อันเป็นบทเรียนที่ทำให้คนอื่นต่างระย่นย่อไปตามกันปรากฏว่าได้รับการต้อนรับจากคนอ่านไม่น้อย และในเนื้อหาที่ผมเก็บรวมมานั้นทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งกระทู้ถามถึงการปราบปรามและการทำงานของตำรวจไปถึงการควบคุมโสเภณีเป็นข่าวขึ้นมาอีก พอเรื่องจบ สำนักพิมพ์โอเตียนก็ฃอซื้อเอาไปลัดพิมพ์เป็นเล่ม ทำให้ผมมืหนังสือหนึ่งเล่มจากผลของการไปเยี่ยมโสเภณีกว่าสองร้อยคนจะว่าไป การทำงานที่พิมพ์!ทยในระยะที่ไม่มีงานอื่นนอกจากเขียนบทละครโทรทัศน์เป็นงานอีกส่วนหนึ่งนั้น มีอิสระและสนุก เพราะ ผมไม่ยุ่งกับข่าวหน้าหนึ่งแต่ก็สนิทสนมคุ้นเคยกับนักข่าวทุกคนเผด็จ ภูรีปติภาน ก้าวเข้ามาเริ่มชีวิตนักข่าวที่นึ่ไล่ๆ กันนั้นก็คือสันติ เศวตวิมล จากชลบุรีก็ตามมา สำหรับ “ปีนครก” เขียนข่าวสังคมเหมือนหน้าสี่ในทุกวันนี้สลับกับ “ไต้ก๋ง” คือคุณเจริญ (ผมจำนามสกุลไม่ได้) ก็เริ่มต้นที่นึ่เหมือนกัน ผมเองได้คุณพนอ ฉาบสุวรรณ มาช่วยอีกแรงหนึ่งนอกเหนือ1จากมีคุณธวัซอยู่แล้ว  สัญญาณเครื่องไล่หนู สำเริง เนาวลัยศรี คุมหน้าบันเทิงผมได้พบคุณศรีรัตน์ สถาปนวัฒน์ ที่นี่มาทำ “พิมพไทย-เบื้องหลังข่าว” รายปักษ์ ผมได้พบคุณเสถียร จันทิมาธร ในงานที่ล่งมาด้วยนามปากกา “สาหร่าย” คุณเสถียรเขียนถึง “พิมพ็ใทย” ไว้ว่า“เรื่องหนื่งที่ไม่เคยสิมก็คือ เนื่องจากพิมพ์ไทยมีรากฐานเป็นหนังสือพิมพ์ที่ได้มาตรฐาน ห้องสมุดข่าวของพิมพ์ไทยดีมาก ที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นก็คือ ห้องสมุดของพิมพ์ไทยเก็บหนังสือในเครือบริษัทไทยพาณิชยการ จำนัด ไว้ครบถ้วน ตงแต่ยุคสีลม ผมได้อ่านจนหมดเกลี้ยงไม่ว่า สยามสนัย พิมพ์ไทยรายเดือน หรือเริงรมย์ก็ตาม อยู่พิมพ์ไทย ๑ปี เหมือนเข้ามหาวิทยาล้ย์เป็นสิบๆปี...”



โรคฉี่หนู
จอดเพราะเกิดมีการต่อล้กันแม้จะห่างออกไปก็ไม่ปลอดภัย ทุกคนต้องกระโดดลงจากเครื่องซึ่งก็เรียบร้อยดี ไม่มีใครเป็นอะไร จนกระทั่งเดินทางกลับไช่ง่อนเพื่อเตรียมตัวกลับ นายทหารคนสนิทนายหนึ่งของแม่ทัพนำ “ดอลลาร์เขียว” อันเป็นธนบัตรที่สหรัฐจัดพีมพัให้ทหารจับจ่ายสิ่งของ63ในร้านในค่ายมาแจกแก,บรรดานักข่าวโดยทั่วหน้ากัน คิดเป็นเงินไทยในขณะนั้นราว ๒,^๐๐ บาทนายทหารบอกว่าใครอยากได้ของใช้ประ๓ทเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถนำเงินนี้ไปจับจ่ายได้และนำกลับไปได้ด้วย“ข้าพเจ้าหันไปถามนายทหารคนสนิทคนนั้นว่า พรุ่งนี้เรามีโปร-แกรมอะไรที่จะต้องทำ นายทหารตอบว่า พักผ่อน หรือใครอยากซื้อของก็จะพาไป หรือไปเยี่ยมทหารที่นอนป่วยก็ได้” ข้าพเจ้าเร่ไปหาคุณโชติที่มือบังถือ “ดอลลาร์เขียว” อยู่ แล้วเปรยกับคุณโชติว่า “ผมรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรกับเงินจำนวนนี้” คุณโชติพยักหน้าไม่ยิ้มเห็นแต่ความขรึมเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจรุ่งขึ้นเราไปพร้อมกัน บริเวณที่พักทหารบาดเจ็บนั้นไม่ใช่โรงพยาบาล แต่เป็นบริเวณที่จัดไว้เป็นสถานพยาบาลที่สะอาดตา มีนายทหารและพลทหารนอนพักรักษาตัวกันพอประมาณ เราใช้เวลาตรงนั้นไม่นานนัก ข้าพเจ้าหยุดเดินและรู้สึกในขณะนั้นว่าคุณโชติได้ก้าวเข้ามายืนช้างข้าพเจ้า“ผมคิดว่าเงินจำนวนที่แม่ทัพมอบให้เรานั้นไม่มีความจำเป็นใดๆเลย ผมขอมอบให้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาพยาบาล” แล้วข้าพเจ้าก็ส่งเงินทันทีเกือบจะพร้อมกัน ข้าพเจ้าก็เห็นมือกำ “ดอลลาร์เขียว” ของคุณโชติยื่นเข้ามาพร้อมกับบอกว่า “ผมร่วมสมทบด้วย” เขาพูดลันๆ แต่ทำให้ข้าพเจ้าชื่นใจคืนวันนั้นมีงานเลี้ยงส่งอาหารคาว-หวานเพียบ แม่ทัพฉลาดกล่าวขอบคุณนักข่าว ข้าพเจ้าเป็นผู้ตอบรับและเมื่อเดินมาที,โต๊ะซึ่งมีคุณโชตินั่งอยู่ด้วย คุณโชติยื่นมือมาจับ”ผมจบเนื้อหาในหนังสืออนุสรณ์ไว้เพียงแค่นี้ อันที่จริงพวกเราที่ไปเยี่ยมค่าย “เสือดำ”  ก่อนหน้านื้มืหลายกลุ่ม โดยไปในนามของหนังสือพิมพ์นั้นๆ มีการแจก “ดอลลาร์เขียว” ทุกเที่ยว จนทำให้แต่ละคนขนเครื่องใช้ไฟฟ้ากันมาทั้งเอามาใช้และเอามาขายเอากำไร ผมกล่าวตอบแม่ทัพวันเลี้ยงลาในทำนองว่า พวกเรามาทำงานและไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินแต่อย่างใด ผมไม่พูดมากนักเพราะหลายคนรับเงินเขามาแม้จะมีบางคนพูดว่าเป็นเงินมะกันพิมพ์ขึ้นมาใช้เองก็ช่างมันปะไร?การเดินทางไปเยี่ยมค่ายทหารทำให้เราได้รับรู้และเช้าใจอะไรต่ออะไรไม่น้อยเลย เฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการเดินทางเยี่ยมฐานที่ตั้งต่างๆนั้นมักจะเจอการโจมตีอยู่เสมอจนในงานเลี้ยงล่งแม่ทัพฉลาดบอกว่าเป็นคณะที่เสี่ยงอันตรายก็เลยมีการมอบอิสริยาภรณ์เป็นกรณีพิเศษให้แก่ทุกคน (อิสริยาภรณ์ที่ว่านื้เดี๋ยวนื้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว)ในการเยี่ยมค่ายแห่งหนึ่งมีเรื่องราวที่คิดว่าน่าสลดใจก็ได้ ขนลุกก็ได้ หรือแล้วแต่ใครจะคิด ผมเอามาเขียนไว้ในคอลัมน์ “ฉากผ่าน” ใน“พีมฟไทย” เล่าว่า ในค่ายทหารไทยค่ายนั้นมีเด็กเวียดนามอายุราว ๑๒ขวบ มาคอยรับใช้ทุกผู้คน ไม่ว่าใครจะใช้ให้ทำอะไรเจ้าเด็กน้อยรับอาสาทำให้ทั้งนั้น จนเป็นที่สนิทชิดเชื้อจนกระทั้งคืนวันหนึ่ง ค่ายนี้ถูกทหารเวียดกงโจมตีกลางดึก มีการยิงต่อเโดยฝ่ายโจมตีไม่สามารถทำอะไรได้จึงต้องล่าถอยกลับไป รุ่งเช้าได้มีการสำรวจตรวจศพก็พบเด็กชายคนนื้ในเครื่องแบบเวียดกงนอนกอดปีนตายรวมอยู่ด้วยเรื่องอย่างนื้จะให้คิดว่าอย่างไร เพราะต่อจากนั้นแล้วในค่ายจะไม่ยอมให้มีเด็กหรือใครก็ตามที่ไม่สามารถตรวจสอบได้เข้ามาทำอะไรอยู่ในค่ายแม้ว่าคืนนั้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยก็ตาม ไม่มีใครกล้าเสี่ยงอีกแล้วไหนๆ ก็พูดถึงแม่ทัพฉลาด หิรัญคิริ แล้วขอแถมท้ายอีกหน่อย ในคืนวันเลี้ยงต้อนรับพวกเรานั้น พอเสร็จหลายต่อหลายคนก็ฃอลากลับไปนอนที่  โรงแรมซาวอย (ในคืนแรกที่ไปถึง) ผมนั่งในกลุ่มนายทหารผู้ใหญ่หลายคนมีบางคนหยิบเอาดวงชะตาแบบโหราศาสตร์ออกมาจากกระเป๋าส่งให้แม่ทัพฉลาดดู แม่ทัพก็อ่านดาวพระเคราะห้ในดวงไปว่าอย่างนั้นๆ แถมบอกด้วยว่าจะมีอะไรเกิดฃื้น ทำให้ผมรู้ว่าแม่ทัพฉลาดมีความรู้ทางโหราศาสตร์ด้วยซึ่งต่อมาได้มีการทำปฏิวัติ (๒๐ มีนาคม ๒dr๒๐) ยึดอำนาจการปกครองแต่รัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ได้ดำเนินการจับกลุ่มผู้ก่อการยึดอำนาจได้สำเร็จ แม่ทัพฉลาดผู้นำการยึดอำนาจถูกตัดสินประหารชีวิตส่วนผู้ร่วมขบวนหลายคนถูกตัดสินจำคุก แต่ภายหลังได้รับนิรโทษกรรมทุกคนผมคิดในขณะนั้นว่าแม่ทัพฉลาดคงจะหาฤกษ์ผานาทีไม,ว่าจะคิดคำนวณเองหรือปรึกษาใครก็ตาม...ล้วนเป็นเรื่องไม่ง่ายนักต่อจากนั้นไม่นาน ก็เป็นคราวที่มีการแข่งขันชิงชนะเลิศซึ่งเท่าที่ผมไล่เลียงปี ค.ศ. ดูแล้วตรงกับปี ค.ศ. ๑๙๖a (พ.ศ. ๒dr๑๑) คือปีของฟุตบอลโลก มีการถ่ายทอดทางสถานีทีวีขาว-ดำ ทีมที่ผมจำได้แม่นยำคือทีมเยอรมันแต่เตะกับทีมชาติไหนไม่แน่ใจว่าเป็นเม็กซิโกหรือเปล่า ในส่วนที่แน่ใจทีมเยอรมันนั้นฉายานักเตะคือ

วิธีไล่หนู “ฉลามขาว” ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยรู้ฉายาของนักเตะมาก่อนเช่นเดียวกับคุณไชยยงค์ที่เกิดฟัตจะรายงานข่าวการชิงชนะเลิศด้วยตัวเองแทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณสุรินทร์ลีลาวัฒน์ ผู้รับผิดชอบข่าวกีฬาคุณไชยยงค์ชักเอากับคุณสุรินทร์ถึงฉายานักเตะเยอรมันอีกสอง-สามคน แล้วก็จดใส่กระดาษไว้พร้อมทั้งชักถามถึงเชิงการเล่นด้วย จนถึงเวลาถ่ายทอดดูเหมือนจะเป็นเวลาราวๆ ๑๐.๐๐ น. หรือกว่านั้นไม่มากนักข่าวอื่นไม่เป็นอันทำงาน นั่งชมการถ่ายทอดเพลงเตะ คุณ1ไชยยงค์,นั้นนั่งหน้าจอ ตาดูหูฟังการพากย์และจดอะไรในแผ่นกระดาษพอจบครึ่งแรกก็ลากเอาพิมพ์ดีดมาแล้วจัดแจงป้อนกระดาษเรียบเรียงตามเพลงเตะจบพอดีกับการเริ่มครึ่งหลังส่งไปให้ช่างเรียงเรียงก่อน พร้อมทั้งบอกว่าท่อนโปรยจะเขียนทีหลัง”ผลการแข่งขันวันนั้นผมจำไม่โต้ว่าใครซนะใครแพ้ ต้นฉบับครึงหลังถูกส่งไปเรียงและตามด้วยท่อนโปรย ดูเหมือนจะมีพาดหัวข่าวไปด้วยเลยผมได้อ่านข่าวในวันรุ่งขึ้นพร้อมกับพรรคพวกหลายคนต่างพากันทึ่งใน่ฝึไม้ลายมือของคุณไชยยงค์ผู้อำนวยการไปตามกัน เพราะอ่านสนุกราวกับว่านั่งหน้าจอว่างั้นเถอะ คุณสุรินทร์นั้นถึงครางออกมา  “ปึมือจริงๆ...”ปกติแล้วงานเขียนของคุณไชยยงค์จะมืออกมาปรากฏสายตาแก่ผู้อ่านในนามปากกา “เชษฐ์” เฉพาะอย่างยิ่งงานเขียนด้านสารคดีเกี่ยวกับสงคราม น้บแต่สงครามโลกครั้งที่สองจะเจาะเขียนเฉพาะศึกรถถังหรือแม้แต่สงครามเวียดนาม “เชษฐ์” ก็เขียนให้อ่านได้มันส์เขียวล่ะ โดยงานเขียนนี้ไม่ได้บอกว่าแปลมาจากหนังลือเล่มไหนผมเคยเข้าไปในห้องทำงานเห็นหนังสือภาษาอังกฤษหลายเล่มกางอยู่บนพื้นห้องก็มี ในมือที่ถือกางอ่านก็มื ทั้งยังเคยถามว่าสารคดีที่เขียนนี้ไม่ได้แปลมาจากหนังสือโดยตรงเลยหรือ คำตอบที่ได้ก็คือ อ่านหนังสือที่เคยลงเรื่องราวเดียวกันหลายเล่ม แต่ละเล่มจะมีข้อมูลหรือรายละเอียดที่ต่างกัน

 เทคนิคเสมอ...ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกอากาศเป็นประจำ แต่ต่อมาคุณเฑียรร์ได้พ้นหน้าที่ไปแล้ว คุณชายชาญเข้ามารับช่วงเต็มๆ และมีการปรับปรุงในเวลาต่อมาจนถือได้ว่าก้าวลํ้าหน้าสถานีอื่นก็ว่าได้ส่วนตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อนางเรวดี เทียนประภาสได้ถึงแก,อนิจกรรม คุณสุรางค์ (กรรณสูต) เปรมปรีดิ้ ก็วางมือจากโรงเรียนเรวดีมาบริหารแทนจนขณะนี้เป็นสถานีทีวีสีที่มืเรตติ้งสูงแข่งกันกับทีวีสีช่อง ๓ตลอดเวลากว่าแปดเดือนที่ผมนั่งทำงานเป็นบรรณาธิการข่าวช่อง๗ สี ยังคงแบ่งเวลาทำที่พิมพ้ไทยด้วย เพราะคุณไชยยงคํใม่ยอมให้ผมลาออก ทุกเช้าผมต้องมาทำ “ผังรายการ” และตรวจสอบข่าวที่คุณทวีเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ตกบ่ายผมจะรีบไป “ทิมพ้ใทย” แล้วรีบกลับมาดูการตัดต่อฟิล์มข่าวจนกระทั่งข่าวได้ออกอากาศแล้ว ผมจึงเตรียมงานวันรุ่งขึ้นต่อไปพูดถึงเรื่องนี้แล้วต้องขอเล่าให้ฟังว่า Leptospirosis ผมได้ออกโรงไปทำข่าวด้วยตนเอง แต่เหตุสุดวิสัยหรืออะไรก็ตามทำให้ผม “ตกข่าว” อย่างสิ้นเชิงหากทว่ามันเป็นข่าวที่ทำให้ผม “สร้างข่าว” กลับขึ้นมาใหม่เหมือนทุกอย่างเพิ่งจะเกิดขึ้น ฟังดูชอบกลทีเดียวแหละวันนั้นเป็นวันที่จอมพลถนอม กิตติขจร จะปราศรัยผ่านดาวเทียมจากสหรัฐอเมริกามายังประเทศไทย ดูเหมือนจะเป็นเวลาตอนหกโมงเช้าผมนัดช่างกล้องคือคุณปานเทพ กุยโกมุท พร้อมฟิล์มออกเดินทางจากสำนักงานตรงสี่แยกเจริญผลราวๆ ตีสี่ คนขับพารถไปได้ไม่นานประมาณเลยบางlj ผมใจร้อนจึงเช้าไปขับเอง รถแล่นต่อไปด้วยความเร็วทีเดียวแต่ผมก็ต้องชะลอลงเพราะฝนเทลงมาอย่างหนักแถมมีพายุเสียอีก เป้าหมายคือสถานีรับภาพดาวเทียมที่ศรีราชาฝนยังคงตกต่อเนื่องจนไม่สามารถมองทิวทัศน์ได้ว่าเดินทางถึงไหน 

แล้ว รถก็วิ่งไม่ได้เร็ว พอฝนเริ่มเบาลงปรากฏว่าเราเลยสถานีศรีราชาไปแล้ว ผมจึงกลับรถแล้วย้อนมาจนถึงสถานีซึ่งเป็นเวลาเลยหกโมงเช้าไปแล้ว ประมาณว่าลักสามสิบกว่านาที และนั่นก็คือการรับภาพจอมพลถนอมได้ฝานพ้นไปแล้ว ผมตกข่าวนี้แน่นอน ปีนเย้กังนึกโกรธดินพ้าอากาศ เครื่องไล่แมลงสาบ โกรธตัวเอง มันคงมองหน้าใครไม่ได้ที' “ตกข่าว”ขณะนั้นเองผผก็เห็นคุณนพดล จันทไพบูลย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของช่อง โผล่มาจากห้องไหนไม่รู้ ผมเข้าไปหาแล้วถามว่ามาทำอะไรที่นี่ คำตอบที่ได้รับคือเป็นคนรับผิดชอบในการบันทึกเทป (ขาว-คำ) เพื่อนำไปออกรายการ เพราะที่นั่นเวลานั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการได้เท่านั้นแหละที่ทำให้ผมมองเห็นการบู้หน้า “ตกข่าว”ผมบอกกับคุณนพดลว่า ช่วยจัดทุกอย่างเหมือนในช่วงเวลาที่มีการถ่ายทอดภาพลงมา ใครนั่งตรงไหน ทำอะไร เสร็จแล้วผมจะให้ “คิว”ในการปล่อยเทปภาพที่(สมมติ) เหมือนจอมพลถนอมเพิ่งปราศรัยอย่างนี้ได้ไหม คุณนพดลหัวเราะแล้วจัดการขอให้เจ้าหน้าที่ที่นั่นเข้าประจำหน้าที่  โผมหันมาจังคุณปานเทพทีเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ให้ถ่ายตรงนัน ตรงนี และให้ “คิว”  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปล่อยเทปภาพออกมาเมื่อกล้องคุณปานเทพแพนไปถึง ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยโดยอาลัย “สคริปต์สด” และคุณปานเทพนั้นอดีตคือช่างกล้องภาพยนตร์จึงสะดวกผมขอบคุณคุณนพดลอย่างมากที่ช่วยเหลือทำให้ผมได้ข่าว และเมื่อกลับมาก็ตัดต่อเองในตอนบ่าย หลังจากเขียนข่าวแล้ว วิชาเขียนบทมืล่วนช่วยให้ข่าวลมบูรณ์ปรากฏว่าข่าวชิ้นนี้เมื่อคุณราชันย์ ถูเซ็น ไปเข้าอบรมงานข่าวทีวีของบูลนิธิเอเชีย แล้วหยิบไปเสนอผู้ดำเนินการอบรม ได้ยกย่องว่าเป็นข่าวที่มืความสมบูรณ์ทีเดียว คุณราชันย์มาเล่าให้ฟังพลอยให้บรรณาธิการได้หน้าไปด้วยการทำข่าวที่ต้องใช้ฟิล์ม ๑๖ ม.ม. โดยมีเล์นตาย ๑ar.oo น. เท่ากับปิดข่าวตามเวลานั้น เวลาที่จะเก็บข่าวในแต่ละวันจึงมีไม่มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นในเวลาสิบนาทีก็สามารถเสนอข่าวได้ถึงอย่างน้อย ๕ ข่าวและไม่เกินเจ็ดข่าว มีปัญหาไม่น้อยทีเดียว แต่ทุกอย่างก็ลุล่วงด้วยดีช่วงเวลานั้นบังเอิญผมรับภาระเป็นเลขาธิการสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย โดย “น้าหอม” คุณเซลง กัทลีรดะพันธุ เป็นนายกฯ ปรากฏว่ากองพลอาสาสมัคร “เสือดำ” โดย พล.ต.ฉลาด หิรัญศิริ แม่ทัพ ขอให้สมาคมนักข่าวฯ จัดนักข่าวเดินทางไปเยือนในฐานะที่กองทัพไทยได้ร่วมสมรภูมิกับสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ตกที่นั่งผมเป็นหัวหน้าคณะมีนักข่าว-ช่างภาพ ๑๔ คน ซึ่งในจำนวนนี้มีคุณสรรพศิริ วิริยคิริ พี่ชายคุณสมบูรณ์ร่วมขบวนไปด้วย และอีกคนที่ผมขออนุญาตเอ่ยถึงคือ คุณโชติ ทัศนียะเวช ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว ส่วนผมเอาช่างภาพทีวีลีคือคุณเรวัต เศวตไอยาราม ตามไปด้วยผมได้เขียนถึงเรื่องราวบางตอนไว้ในหนังสืออนุสรณ์ คุณโชติทัศนียะเวช และขอนำมาเสนอต่อผู้อ่านเป็นบางช่วง“เราเดินทางไปยังค่าย ‘เสือดำ’ และพกแรมที่นั่น คืนวันแรกหลังจากเข้านอนแล้วในโรงโล่งๆ ที,ปลูกไว้ยาว มีที่นอนวางเรียงกันไปทั้งสองฝัง แต่ทว่าเสียงปีนใหญ่ที่ยิงสนั่นทำให้ทุกคนตื่นกันหมดและพากันออกมานอกโรงนอนนายทหารลอง-สามนายที่คอยดูแลเราได้ชื้ให้เห็นว่าบนท้องฟ้าเวลานั้นมีเฮลิคอปเตอร์กำลังปฏิบัติการโจมตีในลักษณะลอยลำแล้วยิงกระสุนปีนกลอย่างต่อเนื่องเป็นทางสีแดงฉานมิได้ขาดตอนเลยตลอดเวลาที่เรายืนดูกันอยู่” นื่คือช่วงหนึ่งที่เขียนเล่าไว้การยิงต่อเนื่องอย่างนี้เรียกว่า “กันชิฟ” แล้วต่อมาพวกเราก็ตระเวนไปยังฐานปีนใหญ่อีกหลายแห่ง มีอยู่แห่งหนึ่งเฮลิคอปเตอร์ไม่ยอมลง


เครื่องไล่หนูไฟฟ้าราคาถูก




วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ออกกำลังกายต้านภัยโรคฉี่หนู





“ไฮด์ปาร์ก” กลายเป็นข่าวประจำวันก็ว่าได้ แม้จะไม่มีการพูดทุกวัน แต่ข่าวที่เกี่ยวกับนักพูดมักขึ้นหน้าหนึ่งเสมอ หรือแม้แต่ในเนื้อที่ฉบับวันจันทร์ที่ “รดา กทะลีพันธุ” อันเป็นนามปากกาของคุณเซลงสรุปประจำสัปดาห์ก็ถือประเด็นไฮด์ปาร์กมาเขียนให้ผู้อ่านได้ทราบความเคลื่อนไหวจนกระทั้งก่อนจะถึงเดือนสุดท้ายของปี กำจัดหนูได้ผล ได้มีประกาศของกลุ่มไฮด์ปาร์กว่าจะจัดชุมนุมใหญ่ เฉพาะอย่างยิ่งจะมีพิธีบวงสรวงด้วยเชิญประชาชนผู้สนใจมาร่วมพิธีกันฝ่ายตำรวจเองก็เตรียมการพอเป็นพิธีด้วย ไม่คิดว่าจะมีเหตุบานปลายเพราะก่อนถึงวันที่ประกาศคือวันที่ ๑๐ ธันวาคม อันเป็นวันที่ระลึกพระราชทานรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒SL๗& สารวัตรสถานีตำรวจชนะสงครามเจ้าของพื้นที่ได้เชิญนายทองอยู่ พุฒพัฒนั มาพบ ขอให้งดการชุมนุม แต่ไม่ได้ผลและก่อนจะถึงวันนัดหมายสำคัญหนึ่งวัน พ.ต.อ.พันธุคักดิ้วิเศษ-ภักดี ก็ได้เชิญนายทองอยู่พบด้วยเหมือนกัน หลังได้ทราบว่าทางท้องที่ได้ดำเนินการแล้วไม่เกิดผล พ.ต.อ.พันธุคักดี้ได้พูดเป็นเชิงขอร้องเช่นเดียวกันแต่นายทองอยู่คงยืนกรานที่จะดำเนินการตามที่ประกาศให้ประซาชนทราบแล้วครั้นแล้ว วันสำคัญก็มาถึง (๑๐ ธ.ค.) นายทองอยู่จัดตั้งโต๊ะพร้อมด้วยเครื่องสังเวยมากมาย ประซาซนเริ่มทยอยกันมาแม้จะเป็นเวลาเช้าก็ตาม (ปกติไฮด์ปาร์กมักจะเริ่มตอนบ่าย)นายเพิ่ม วงคัทองเหลือง อดีต ส.ส.พิจิตร จัดแจงจุดรูปแล้วนำไปแจกจ่ายประซาชนที่มาชุมนุมกัน นายทองอยู่เป็นผู้กล่าวนำด้วยนํ้าเสียงหนักแน่นนักพูดไฮด์ปาร์กสำคัญอีกสอง-สามคนที่น่าจะเอ่ยถึงด้วยคือ นายกิตติคักดิ้ ศรีอำไพ และ ร.ต.อ.ชาญ กระตุฤกษ์ และนายพร บุญนาคนายทองอยู่ได้กล่าวถึงการชุมนุมและบวงสรวงครั้งนี้ก็เพื่อเรียกร้องขอให้การบริหารบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย โดยขอให้ยกเลิก ส.ส.ประเภท ๒ (ปัจจุบันจะเรียก ส.ว.) และยกเลิกบทเฉพาะกาลซึ่งทำให้รัฐบาลมีอำนาจเบ็ดเสร็จจากนั้นกลุ่มประซาซนโดยการนำของนักไฮด์ปาร์กบางคนได้ออกเดินขบวนเพื่อไปพบจอมพล ป.พิบูลลงคราม นายกรัฐมนตรี กลุ่มนักพูดที่นายพีร์ บุนนาค นักไฮด์ปาร์กสนามหลวง 

ยัง “มันเขี้ยว” ก็ยังปักหลักอยู่ขบวนที่เดินกันมาจากสนามหลวงได้มาพบแนวสกัดของตำรวจท้องที่บริเวณใกล้สี่แยกคอกวัว ผู้นำขบวนจึงเสี่ยงไปยังสถานีตำรวจชนะสงคราม แต่ก็พบแนวตั้งสกัด ผลที่สุดจึงย้อนกลับมาที่สนามหลวงอีกคราวนี้ผู้คนที่อยู่ฟังการพูดก็เข้ามาร่วมขบวนด้วยและเดินฝ่าแนวต้านของตำรวจที่สี่แยกคอก1วัว1ไปตามถนนราชดำเนินแล้วบุ่ง1ไปยังสะพานมัฆวานรังสรรค์ที่นั่น นอกจากตำรวจเจ้าของท้องที่แล้วยังมีหน่วยตำรวจม้ามาตั้งแนวขวางทางเอาไว้ ประชาชนเดินมาถึงและไม่สนใจกับแนวสกัด เฮโลกันจะผ่านไปให้ได้จนทำให้ม้าตัวหนึ่งล้มพับลงทั้งยืน ตำรวจที่นั่งอยู่บนหลังม้าบาดเจ็บการปะทะมีทีท่าว่าจะบานปลาย จนเมื่อ พล.ต.ต.จำเนียร  เครื่องไล่หนูราคาถูก วาลนะสมสิทธิ้ นำกำลังอีกส่วนหนึ่งมาสมทบ และ พล.ต.ต.จำเนียรทำหน้าที่ปาวประกาศขอให้ยุติก่อนที่จะต้องเสียเลือดเนื้อไปมากกว่านี้ผลก็คือ ประชาชนยอมถอยร่น บ้างไปตั้งหลักที่สนามหลวง บ้างกลับ1ไปเลยก็มีนี่คือสิงที่เกิด'จากการ'ชุมชน “ไฮด์ปาร์ก” ที่จอมพล ป.อนุญาตให้มีการดำเนินการได้ เหตุการณ์ในวันที่ ๑๐ ธันวาคม แม้จะเลิกราไปแล้วแต่ในวันที่ ๑๗ ธันวาคม “ไอด์ปาร์ก” โดยกลุ่มนักพูดชุดเดิมได้ออกมาพูดกันต่ออีก มีผู้มาชุมนุมไม่น้อยและมีท่าทีจะบานปลายอีกคราวนี้ตำรวจใช้รถนํ้ามาตั้งประจัน เหตุการณ์เริ่มก่อเค้าไม่ดีตำรวจจึงฉีดนํ้าไล่ แล้ววันนั้นก็จบลงแต่พอวันรุ่งขึ้นกลับมาชุมนุมกันอีกครั้งตำรวจเห็นว่ารถน้ำได้ผลจึงนำมาตั้งจังท้า  เครื่องไล่หนูขนาดใหญ่ วงการพูดจึงได้แต่พูดโดยมิได้มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทุกอย่างทำท่าว่าน่าจะสงบลง แต่มันหาได้เป็นเช่นนั้นไม่หรือถ้าจะกล่าวว่า เป็นเรองที่คล้ายรอเวลา รอจังหวะอะไรสักอย่างก็น่าเป็นไปได้ในความเป็นจริงแล้ว ความน่าจะเป็นก็คือ “เสือสองต้วอยู่'ในถาเดียวกันได้ละหรือ” เรื่องของการเมืองไม่ว่าจะเป็นยุคใด สมัยไหน สิ่งที่เหมือนกันคือ ความเงียบงันที่เหมือนผิวน้ำที่สงบนิ่งนั่นเป็นสิงที่น่าวิตกนักไม่มืใครรู้หรือคาดเดาได้ว่า ใต้ผิวน้ามืระลอกคลื่นเกิดขึ้นหรือเปล่า และถ้าเกิดขึ้นแล้วมันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นคลื่นยักษ์โถมเข้าทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าหรือไม่


เครื่องไล่หนู

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เครื่องไล่หนูในรถยนต์ มีผลกับเครื่องยนต์หรือไม่ ?







สักคนในทางการเมืองหรือธุรกิจก็คือ การบอกเขาว่าคุณ...พูดว่าไงนะ...ปันหัวเขา ส่วนเราซาวฝรั่งเศสน่ะ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาต่อรองแบบเงียบๆ และผู้คนก็เคารพเราในเรื่องนี้ เราปันหัวผู้คน แต่เราไม่ได้ทำให้พวกเขาอับอาย เครื่องไล่หนูยี่ห้อไหนดี เราไม่ได้บอกให้โลกรู้ว่าพวกเขาถูกปันหัวแล้วนะ” เขาดูเหมือนจะตกหลุมรักคำนี้เข้าแล้ว “โอเคฝรั่งเศสไม่ใช่ภาษาสากลในการเจรจาต่อรอง แต่เรากำลังยึดครองโลกนี้ต่อหน้าพวกชาวอังกฤษ ฉะนั้น ใช่แล้วละ เราทำข้อตกลงไว้แล้วในบอสตันไมอามื และนิวออร์ลีนส์ วิศวกรของเราจะช่วยลาสเวกัสเรื่องสำรองนํ้าใช้ และลอสแอนเจลิสในเรื่องควบคุมไฟป่า เราทำเรื่องนี้ไปหมดแล้ว และได้...เอ่อ จะได้...” ภาษาอังกฤษของเขาสะดุดลง แต่แค1เพียงชั่วคราวเท่านั้น “เราอาจจะยอมรับความพ่ายแพ้ของเราในการลงคะแนนอย่างมีเหตุมีผล ด้วยความสง่างาม และรักษาความสับไว้...ไม่เหมือนคุณ" เขาหันไปเยาะเย้ยไทเลอร์แบบที่อาจจะชักนำให้สุภาพบุรุษซาวอังกฤษจากศตวรรษที่สิบแปดสักคนออกไปกระทำอัตวินิบาตกรรมอย่างทรงเกียรติได้ แม้ว่าไทเลอร์จะมีเอี่ยวแบบเงียบๆ กับแก้วไวน์ของเขาอยู่“ผมไม่เข้าใจ” ผมพูด “คุณกำลังพูดเหมือนกับรู้ตัวแล้วว่าคุณแพ้”“พอลที่รักของผม คุณไม่เข้าใจหรือ" ช็อง-มารีมองมาที่ผมด้วยมิตรไมตรียิ่งกว่าเดิมอีก “คุณก็ถูกปันหัวด้วยเหมือนกัน ทั้งหมดนั่นแหละ คุณพูดว่ายังไงนะ...อาร์นก... เครื่องไล่หนูไฟฟ้า โดนต้มนํะ จีนจะเป็นผู้ชนะ...มันถูกตกลงไว้แล้วตั้งแต่เริ่ม พวกเขาจะชนะ และในทางกลับกัน พวกเขาจะเผยแพร่ข้อมูลของประเทศเราให้ประชากรของเขา มันเป็นผลที่ตามมาอย่างมีเหตุมีผลจากโลกาภิวัตน์นํะ จีนเป็นตลาดใหญ่ในอนาคต และเราไม่สามารถดูถูกพวกเขาได้ด้วยการคว้าชัยชนะหรอกนะ”“อะไรนะ” ผมสามารถเค้นเสียงออกมาจากคอหอยตีบตันของผมได้เพียงเท่านี้แต่ความน่าสะพรึงกลัวสุดขั้วของสถานการณ์นี้ยังไม่เริ่มขึ้น  พระเจ้าช่วย...ผมคิด ผมคงมียีนของคนโง1 ยีนของไอ้งั่งตาบอดอ่อนต่อโลก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแคมเปญนี้ถึงจ้างคนนอกที่อินเดียและจัดการแบบขอไปที เป็นเหตุผลว่าทำไมไทเลอร์ถึงหันมาสนใจความคืบหน้าของผมตอนที่เรื่องกระโปรงคิลต์เป็นข่าวดังและดูจะทำเงินได้จำนวนหนึ่ง ชึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมไอ้วายร้ายคนนี้ถึงบอกว่าผมจะได้โบนัสก้อนโตหากชนะการแข่งขัน...เพื่อ,หลีกเลี่ยงการจ่ายโบนัสไงล่ะ มันยังเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงจัดงานที่โรงละครไชนีส เธียร์เตอร์...ก็เพราะคนจีนจะชนะน่ะสิ แถมยัง ไล่แมลงสาบ จะจัดตอนบ่ายด้วย ก็เพราะพวกเขา'ไม่สามารถจะจองในตอนเย็น’

ได้,นะสิ ก็โรงละครนี้มีไว้ฉายหนังรอบปฐมทัศน์ตอนครนะโว้ย ทุกๆ รายละเอียดมันเป็นการหลอกลวง...เป็นแผนการร้ายตอนนี้ทุกคนกำลังมองมาที่ผม ยกเว้นคลินต์ ความเงียบอย่างกะทันหันทำให้เขาคิดว่ามื้ออาหารเสร็จสัน และเป็นเวลาสำหรับการแสดงของเขา เขากำลังมองหามือจับประตูอีกครั้ง“คุณหมายความว่าทั้งหมดนี้มันสูญเปล่ายังงั้นหรือ” ผมถามไทเลอร์ คำตอบของเขามีเพียงการเลียฟันหนึ่งครั้ง “สร้างสงครามในบอสตัน เกือบจะถูกยิงในไมอามี เข็นรถมินิไปครื่งทางผ่านหนองนํ้าลุยเชียนา” โอเค อย่างสุดท้ายนั้นพูดเกินจริง แต่ผมก็สมควรจะได้รับความสงสารอยู่บ้าง“ไม1ได้สูญเปล่า” ไทเลอร์ตอบ “มันทำให้คุณมีชี่อเสียง และมันไม่ใช่ความพ่ายแพ้ คุณรูเหมว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะทำเงินให้ลอนดอนในอีกยี่สิบปีข้างหน้ามากขนาดไหน” วงจรเครื่องไล่หนู “แต่คุณน่าจะบอกผม แทนที่จะปล่อยให้ผมทำตัวเป็นไอ้งั่ง”“นายพลไม1เคยเผยแผนการของเขาให้นักรบภาคสนามรู้หรอกคุณก็น่าจะรู้” ไทเลอร์พูด“ไม่หรอก เขาแค'นั่งแช่ตูดอยู่ขณะที่พวกทหารออกไปรบ แล้วจากนั้นก็ออกมาเซ็นยอมแพ้”ไทเลอร์แค่หัวเราะเบาๆ'‘ไม่มีการรบจริงๆ หรอก” เขาพูดต่อ “ฉะนั้นจึงไม,มีการยอมแพ้นั่นทำให้ผมนึกได้ว่าผมต้องการรถถังของคุณ’'“อะไรนะ'“รถมินิน่ะ สุรายากำลังจะนำขึ้นเว็บไซต์ เราจะทำการประมูลรถหลังเสร็จพิธีลงคะแนนทันที ตอนนี้มันได้ออกทีวีแล้ว คงจะมีมูลค่ายิ่งกว่าเดิม”ผมก็อธิบายไม่ถูกว่าทำไม แต่มันเหมือนหยดนั้าที่ทำให้แจกันของผมล้นเลยละ ผมคว้าโถนํ้าส้มแล้วราดลงบนหัวของไทเลอร์ ท่าทางตกใจของเขาดูนำทึ่งมากจนผมตามติดด้วยนํ้าแครนเบอรี่หนึ่งแก้วลงไปที่เสื้อเชิ้ตด้านหน้า และนํ้าเย็นอีกหนึ่งเหยือกลงไปในปากที่เปิดค้างของเขา ก้อนนั้าแข็งกระเด็นออกจากแก้มของเขา ทำให้ซอง-มารีต้องกระโดดออกจากเก้าอี้เพื่อหลีกเลี่ยงการกระเด็นกระดอน และเช่นเคยครับ ชายฝรั่งเศสผู้เคลื่อนไหวรวดเร็วหลบหนีจากรอยเปีอนได้จนกระทั่งเขาถูกโจมติด้วยสลัดผลไม้สดเต็มถาด แล้วก็ตามติดมาด้วยถาดที่ใส่สลัดผลไม้นั่น เอโลดีเขวี้ยงของเหส่านั้นใส่เขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ชั่วโมงปาบัดด้วยการสาดกระเซ็นของผมดูเหมือนจะเป็นแรงกระตุ้นให้เธอ และเธอกำลังกรีดร้องคำสบถภาษาฝรั่งเศสใส่พ่อของเธอพ!" น้ำประสานทอง rองmarจุฬนใหม่

“กาล์มเมอ-ตัว.. .ใจเย็นสิ” ช็อง-มารีพยายามทำเสียงให้มีอำนาจที่สุด โรคฉี่หนู ชุดเรียบง่ายของเขาในตอนนี้ถูกทำให้สดใสขึ้นด้วยลวดลายหลากสิสันของส้มโอสีชมพูและมะม่วง เมื่อดูจากอาการโกรธเกรี้ยวอย่างล้นเหลือบนใบหน้าของเอโลดีแล้ว เขาคงจะต้องวิ่งหนีแล้วละนะ ถ้าเขาอยากจะหยุดความเสียหายบนเนื้อผ้าราคาแพงไว้เท่านี้'‘พาร์ดี้” คลินต์ส่งเสียงเชียร์ และควรชามแครมบรูเล่ (คัสตาร์ดครีมที่มีแผ่นนํ้าตาลไหม้อยู่ด้านบน) ลงบนวิกผมของเขาเจอรี่นักทำลายรถกำลังยืนห่างจากการรบนี้ พลางฉีกยิ้มไปที่  แขกผู้สาดอาหารกันไปมา ฉะนั้นผมก็เลยให้กล้วยเขาไปกินทั้งเปลือกและยัดปากขวดไวน์ที่เปิดอยู่ไปที่ด้านหลังกางเกงยีนของเขา“มันจะเติมนํ้ามันเต็มถังให้นาย” ผมบอกเขา“เอโลดี” ช็อง-มารีพยายามเป็นครั้งสุดท้ายที่จะควบคุมทุกคนหลังจากนั้นก็เผ่นแน่บข้ามสนามไปโดยมีลูกสาวผู้บ้าคลั่งของเขาวิ่งไล่ตาม  สารหนู พลางเล่นปาเป้าด้วยสตรอเบอรี่สดไปที่หลังของเขางานปาร์ตี้ดูเหมือนจะเละเทะไปแล้ว ผมเลยตัดสินใจกลับ“กุญแจรถ” ไทเลอร์เอ่ยทวงเสืยงแหบแบบเปียกซุ่ม ขณะที่ผมกระโดดข้ามรั้วกั้นสวน"บ้าเอ๊ย” ผมบอกเขา “คุณไม่ได้เธลมาไปหรอก ผมจะเก็บเธอไว้”

วิธีไล่หนู

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ไบโอชัวร์ สารกำจัดหนูที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง ตอนที่ 2






“ขอโทษครับ" ผมพูดด้วยสำเนียงอังกฤษที่สุภาพที่สุด พร้อมกับล่งยิ้มที่สดใสที่สุดของผมออกไปเขาดึงหูฟังออก และผมได้ยินเสียงกีตาร์เพลงร็อกดังแว่วออกมา“ว่าไง” เขาฟังดูไม่เป็นมิตรเลย“รบกวนคุณช่วยเปิดหน้าต่างให้ผมได้พอมองเห็นวิวสักหน่อยจะไดไหมครับ มันเป็นครั้งแรกของผมที่นี่น่ะครับ” และอีกครั้ง...ผมส่งยิ้มให้เขาในแบบที่บอกว่าผมรักประเทศของเขามากแค่ไหน ซึ่งมันก็น่าจะเป็น'โอกาส'ที่ดี'จริงๆ นั่นแหละที่จะได้เห็นอเมริกาขณะที่บินอยู่ข้างบน“ผมชอบแบบปิด” เขาพูดและใส่หูฟังกลับคืนแล้วใครๆ พากันบอกว่าคนฝรั่งเศสหยาบคายที่สุดในโลกเนี่ยนะ“ขอโทษนะครับ” ผมพูดอีกครั้ง และเขาก็ดึงหูฟังออกพร้อม  ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย“ว่าไง”“เรากำลังจะบินอยู่เหนือภูมิทัศน์ที่น่าเร้าใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนะครับ แล้วจากนั้นก็ลงจอดในลาสเวกัสตอนกลางคืน และผมไม1แน่ใจว่าผมจะได้บินมาที่นื่อีกครั้งหรือเปล่า ฉะนั้นผมถึงอยากจะดูวิวจริงๆ หรือเราจะสลับที่นั่งกันมั้ยครับ”“ผมประจำที่แล้วตอนนี้” เขาโบกมือไปที่รองเท้าของเขา นิตยสารบนถาดของเขา ไอพอดที่อยู่บนหน้าตักของเขา คุณอยากจะดูวิว คุณควรจะหาที่นั่งริมหน้าต่างนะ”

“ผมหาไม่ได้ครับ มันเต็มหมดแล้ว”“งั้นคุณก็ควรจะหาตั๋วเร็วกว่านี้ หรือจองที่นั่งผ่านเว็บไซต์" เขาจบความเห็นของเขาด้วยการยักไหล่ แล้วพูดเปรยว่า “ไอ้งั่ง” ออกมาอย่างเบาที่สุด และใส่หูฟังกลับไปอีกครั้งตอนนี้ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่กวนประสาทผมละก็ มันคือคำว่า‘ไอ้งั่ง’ และทุกอย่างที่บอกเป็นนัยออกมานี่แหละ คนที่คิดค้นมันขึ้นมาถือเป็นอัจฉริยะ เหยื่อที'โดนคำนี้ไปจะกลายเป็นไอ้โง1ตัวหนึ่ง ไม1มีเล่ห์เหลี่ยม เป็นไอ้โง่อย่างสมบูรณ์แบบ และมันได้รับการพิสูจน์อยู่เหนือความสงสัยที่มีเหตุผลใดๆ“ขอโทษครับ” ไล่หนู คราวนี้ผมสุภาพแต่แข็งกร้าวมากกว่าเดิมนิดหน่อย“อะไรอีกล่ะ” เขาดึงหูฟังออกเพียงแค่ครึ่งนิ้วและปล่อยค้างไว้ที่ติ่งหู เหมือนกับว่านี่จะเป็นการขัดจังหวะที่สั้นมากจริงๆ“ถ้าคุณไม่ต้องการมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วคุณเลือกที่นั่งริมหน้าต่างทำไม”“มันเรื่องของผม อเมริกาเป็นประเทศเสรี ไม,ใช่เผด็จการขอบคุณพระเจ้า เราไม่ต้องมาอธิบายตัวเองตรงนี้หรอก”ราวกับว่าการอธิบายบางอย่างกับเพื่อนร่วมโลกของนายมันขัดต่อสิทธิมนุษยชนงั้นละ“แต่มันเหมือนขอที่นั่งในที่สูบบุหรี่แล้วก็มาบ่นเรื่องที่มีคนสูบบุหรี่นะ”“เราไม่มีส่วนที่นั่งสูบบุหรี่แล้ว เครื่องไล่หนูราคาถูก คุณไม่รู้หรอกว่ากำลังพูด เรื่องอะไร''คำว่า ‘ไอ้งั่ง’ มันกลับมาอีกแล้ว พร้อมกับการเหลือบตามองเพดานด้วยคราวนี้“โอเค งั้นมันเหมือนการขอโต๊ะข้างหน้าต่างในร้านอาหาร แล้วจากนั้นก็มาบ่นว่ามีลมโกรกน่ะ”“ฟังนะพวก” เขาพูด “คุณอยู่ในที'ของคุณ ผมอยู่ในทีของผมคุณกำลังรบกวนผม ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะเรียกพนักงาน’'

“แล้วโยนผมลงจากเครื่องบินน่ะรึ อย่างน้อยผมอาจจะได้เห็นวิวสักหน่อย”“หยุดพูดกับผม ไม่งั้นผมจะร้องเรียนเจ้าหน้าที่นะ” นิ้วของเขาโฉบอยู่เหนือปุมข้างสวิตช์ไฟของเขา ผมรู้ว่าผมแพ้แล้ว ผมจะไม่ได้เห็นภูเขา พระอาทิตย์ตก หรือแสงไฟจากเมืองเวกัสแล้ว“เอาเลย เรียกแม่ของนายมาด้วยเลยสิ” ผมท้าเขากดบ่ม  เครื่องไล่หนูไฟฟ้า และเราก็ได้ยินเลืยงกระดิ่งขี้ฟ้องดังขึ้น เขาถลึงตามองผมเหมือนจะพูดว่า แกเสร็จฉันแน่ไอ้กรี'วก ผมถลึงตากลับ'ไปเหมือนจะพูดว่า ไอีโง่ คือว่า...ผมคงจะพูดออกไปจริงๆ ด้วยละพนักงานต้อนรับผมบลอนด์ดูอาวุโสแต่มั่นใจ เดินโซเซตุปัดตุเป๋มาตามทางเดิน เธอมาถึงและปิดไฟที่สว่างอยู่“คุณมีปัญหาอะไรหรือคะ” เธอถามที่นั่งข้างผม“ไม่หรอก ผมน่๖มีปัญหา" ผมพูด แต่ก่อนที่ผมจะอธิบายเรื่องหน้าต่างออกไป ผู้พิทักษ์หน้าต่างก็แทรกเข้ามาและเตือนผมว่าเขาเป็นคนที่เรียกพนักงานนะ และเขาก็มืปัญหาเพราะผมไม,ปล่อยให้เขาอยู่ในความสงบ“ดิฉันเกรงว่าเขาไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าต่าง ถ้าเขาไม่อยากจะเปิด  นะคะ” พนักงานบอกกับผม มีรอยยิ้มที่ใจดีแต่แสดงความเสียใจอยู่บนใบหน้าที่ทารองพื้นขาวซีดของเธอผมพูดโน้มน้าวเธอ เรื่องที่ว่ามันเป็นการบินครั้งแรกของผมที่นี่และต้องการจะเพลิด เพลินกับวิวทิวทัศน์อันงดงาม สมุนไพรไล่หนู ผมไปยืนที่ประตูทางเข้ามาพักหนึ่งแล้ว ผมบอกเธอ แต่ช่องที่ประตูมันเล็กมาก และทำให้เห็นวิวแบบบิดๆ เบี้ยวๆ ด้วย แล้วผมก็ไม่สามารถจะยืนตรงนั้นตอนที่ เครื่องจอดด้วยใช่มั้ย

เครื่องไล่หนู